วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Tour in Utra-radit

อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
อยู่ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ ประมาณ 8 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 102 ประมาณ 3 กม. เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1041 ประมาณ 6 กม. เป็นเมืองโบราณมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยเสด็จมาเมื่อ วันที่ 24 ตุลาคม 2444 ความเป็นมาของคำว่า "ลับแล" นั้น ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า เดิมชาวเมืองแพร่ เมืองน่าน หนีข้าศึกและความเดือดร้อนมาซุ่มซ่อนตั้งชุมชนอยู่ เนื่องจากเป็นที่ ป่าดงหลบซ่อนตัวง่ายและภูมิประเทศเป็นเมืองอยู่ในระหว่างเขามีที่เนินสลับกับที่ต่ำ คนต่างเมือง ถ้าไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศจะหลงทางได้ง่าย แต่ปัจจุบันมีถนนตัดผ่านทำให้สภาพป่าหมดไป ความลึกลับของเมืองจึงหายไป และยังมีอีกหลายตำนานที่กล่าวถึงเมืองลับแล ปัจจุบันอำเภอลับแล เป็นแหล่งผลิตสินค้าหัตถกรรม เช่น ผ้าตีนจก ไม้กวาด นอกจากนั้นยังมีสวนลางสาด ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดในอำเภอลับแล มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น

วัดเจดีย์คีรีวิหาร
อยู่ที่ หมู่ 1 บ้านวัดป่า ตำบลฝายหลวง ห่างจากตัวจังหวัด 10 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 1040-1043 เป็นบรมธาตุเจดีย์ทรงลังกา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า พระประธานเป็น พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยอันงดงามบานประตู และหน้าบันเป็นไม้แกะสลัก
*---------------*



วัดดอนสัก
อยู่ที่หมู่ 6 บ้านต้นม่วง ตำบลบ้านฝาย ห่างจากจังหวัด 9 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 1041 มีวิหารที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีบานประตูแกะสลักงดงาม ด้านหน้า 1 ประตู ด้านหลัง 2 ประตูแกะสลักด้วยไม้ปรูลึกลงไปประมาณ 4 นิ้ว เป็นลวดลายกนกก้านขดไขว้ ประกอบด้วยรูปหงส์ เทพนมและยักษ์ วัดนี้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
*----------------*



อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ
อยู่ตรงสี่แยกตลาดลับแล เดิมชื่อ ทองอิน เป็นนายอากรสุรา เชื้อสายจีน แต่ด้วยความรักในท้องถิ่น จึงพัฒนาเมืองลับแลมาโดยตลอด เป็นผู้นำชุมชนที่ชาวลับแลให้ความนับถือ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับรรดาศักดิ์เป็นขุนพิศาลจีนะกิจ และเลื่อนเป็นพระ-ศรีพนมมาศ ในปี พ.ศ. 2451
*-----------------*




วัดพระยืนพุทธบาทยุคล
อยู่เลยวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งไปตามทางหลวงหมายเลข 102 ประมาณ 500 เมตร วัดอยู่ทางซ้ายมือของถนนใกล้ทางแยก ภายในมีมณฑปเป็นศิลปะแบบเชียง-แสน ครอบรอยพระพุทธบาทคู่ประทับยืนบนฐานดอกบัวสูงประมาณ 1.5 เมตร ที่วัดพระยืนพุทธบาทยุคลนี้ ยังมีพระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยขนาดหน้าตักกว้าง 55 นิ้ว สูง 66 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยเรียกกันว่า "หลวงพ่อพุทธรังสี" เดิมประดิษฐานอยู่ในมณฑปมีปูนพอกหุ้มไว้ทั้งองค์ ต่อมาได้กระเทาะปูนออกและนำไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถที่สร้างใหม่
*------------------*



วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง

อยู่ที่หมู่ 3 บ้านทุ่งยั้ง ตำบลทุ่งยั้ง จากตัวเมืองอุตรดิตถ์ไปตามทางหลวงหมายเลข 102 ประมาณ 3 กม.จะมองเห็นวัดอยู่ทางซ้ายมือ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่อยู่ติดถนนใหญ่สายบรมอาสน์ ใกล้กับวัดพระยืนพุทธบาทยุคล และวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เดิมชื่อว่า "วัดมหาธาตุ" ภายในพระบรมธาตุทุ่งยั้งซึ่งเก่าแก่มาก เป็นเจดีย์ทรงลังกา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า องค์พระธาตุนี้เป็นเจดีย์แบบลังกาทรงกลมฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม 3 ชั้น ฐานล่างมีเจดีย์องค์เล็กๆ เป็นบริวารอยู่ 4 มุม ฐานชั้นที่ 3 มีซุ้มคูหา 4 ด้าน สันนิษฐานว่าได้บูรณะขึ้นภายหลัง
*------------------*




วัดพระแท่นศิลาอาสน์

ตั้งอยู่บ้านพระแท่น ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล ห่างจากตัวจังหวัด 14 กม. อยู่เลยวัดพระยืนไปเล็กน้อย มีพระแท่นศิลาอาสน์เป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 8 ฟุต สูง 3 นิ้ว มีลวดลายประกอบเป็นหลัก ฐานพุทธบังลังก์ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัย ยังไม่ปรากฏนามของผู้สร้าง พ.ศ. 2451 ไฟป่าได้ไหม้พระมณฑปและวิหารเหลืออยู่แต่ศิลาแลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใหม่ จะมีงานนมัสการในวันเพ็ญเดือนสามของทุกปี พร้อมกับวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง และวัดพระยืนพุทธบาทยุคล

Christmas Eve..



ประวัติวันคริสต์มาส
คำว่า คริสต์มาส ภาษาอังกฤษเขียนว่า Christmas ดังนั้นอย่าลืม "ต์" อยู่ที่คำว่า คริสต์ (Christ) ไม่ใช่คำว่า "มาส" (Mas) Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ภายหลังแปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันเกิดของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส แห่งโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็ขานรับนโยบาย อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ โดยตั้งแต่ปีค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปีค.ศ.64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปีค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย สำหรับองค์ประกอบในงานฉลองวันคริสต์มาสมีความเป็นมาเช่นกัน เริ่มที่คำอวยพรว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย สำหรับ "ซานตาคลอส" เซนต์นิโคลัสแห่งเมืองมีรา สมัยศตวรรษที่ 4 ได้รับการขนานนามให้เป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่งแล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี ปิดท้ายที่ต้นคริสต์มาส หรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน ต้องย้อนไปศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมามาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปีค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก คริสต์มาส คือการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณี สำคัญที่สุด ที่ชาวคริสต์ถือปฎิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรกในเอกสาร โบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ เพราะฉะนั้น คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพร คนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส
ต้นคริสต์มาส
ในสมัยโบราณ "ต้นคริสต์มาส" หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบ ผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่ หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ ที่หาง่ายที่สุด ในประเทศ เหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ ทุกวันนี้ .....นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวของดาวิดที่ยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด นี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวของดาวิดไว้ที่สุดยอด ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกอยู่มาก แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ ก็ยังนิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่า มีความหมายถึงพระเยซูเจ้า ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต (ปฐก.2:9) ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึง นิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และนอกจากนั้นยังหมายถึง ความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึง ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูเจ้าประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น
ซานตาครอส
ซานตาคลอส เป็นจุดเด่นหรือสัญลักษณ์ ที่เด็กและผู้คนนิยมมากที่สุด ในเทศกาลคริสต์มาส แต่แท้ที่จริงแล้ว ซานตาคลอส แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เลย ชื่อซานตาคลอส มาจากชื่อนักบุญนิโคลาส ซึ่งเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือ เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็กๆ นักบุญองค์นี้ เป็นสังฆราชของไมรา (อยู่ในประเทศตุรกี ปัจจุบัน) มีชีวิตอยู่ราวศตวรรษที่ 4 เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่ง อพยพไปอยู่ในสหรัฐ ก็ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ คือ ฉลองนักบุญนิโคลาส ในวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งหมายถึง นักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้ เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ ที่อพยพมา ก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในประเพณีแบบนี้บ้าง เพื่อรับของขวัญ ประเพณีนี้ จึงเริ่มเป็นที่รู้จัก และแพร่หลายไปในอเมริกา โดยมีการเปลี่ยนแปลง บางอย่างคือ ชื่อนักบุญนิโคลาส ก็เปลี่ยนเป็นซานตาคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆราช ซึ่งเป็นนักบุญ องค์นั้น ก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วน ใส่ชุดสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นพาหนะ มีกวาง เรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมาทางปล่องไฟ ของบ้าน เพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้น อันที่จริง ซานตาคลอสเป็นรูปแบบที่น่ารัก เหมาะสำหรับเป็นนิยายให้เด็กๆ เชื่อ แต่อาจจะทำให้คนทั่วไปหันมาสนใจ ให้ความสำคัญในตัวนิยายนี้ แทนการบังเกิดของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเทศกาลคริสต์มาสนี้
อื่นๆ
การให้ของขวัญในวันคริสต์มาส เป็นธรรมเนียมนี้ เริ่มกับชาวโรมที่เคยให้ของขวัญแก่เพื่อนในวันขึ้นปีใหม่ (มักจะเป็นผลไม้ ขนม หรือทองคำ) ต่อมาชาวอังกฤษถือ "วันกลอง" (ในวันที่ 26 ธันวาคม) เป็นวันที่ศิษยาภิบาลเคยเปิด "กลองทาน" ในโบสถ์ และแจกเงินให้สมาชิกที่ยากจน ต่อมาชาว อังกฤษก็ให้ของขวัญแก่พวกคนใช้ และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ในวันนั้นด้วย ในทวีปยุโรป เด็กๆ มัก จะเข้าใจว่า พระกุมารเยซูเป็นผู้นำของขวัญมาให้เขา (แท้จริงแล้วพ่อแม่เป็นผู้ที่ให้ต่างหาก) แต่เด็กที่สหรัฐอเมริกามักจะคิดว่า "ซานตาคลอส" เป็นผู้ให้ คืนก่อนวันคริสต์มาส หรือคริสต์มาสอีฟ จะมีงานแครอลลิ่ง ซึ่งจะมีเด็กๆ ไปร้องเพลงตามบ้าน ในคืนวันคริสต์มาส ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ จะมารวมตัวกันที่โบสถ์เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นการแสดง ร้องเพลง
เพลงคริสต์มาส
เพลงคริสต์มาส เริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 ซึ่งในสมัยนั้น มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสเป็นผู้แต่ง ร้องเป็นภาษาลาติน ลักษณะของเพลงเป็นแบบสง่า เน้นถึงความหมายของการเสด็จมา ของพระเยซูเจ้า แต่ในศตวรรษที่ 12 ได้มีวิวัฒนาการใหม่ในด้านเพลงนี้ เริ่มในประเทศอิตาลี โดยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกัน เป็นผู้มีส่วนในการสนับสนุน ให้มีเพลงคริสต์มาสแบบใหม่ ซึ่งชาวบ้านชอบ คือมีท่วงทำนองที่ร่าเริงกว่า และเน้นถึงความชื่นชมยินดี ในโอกาสคริสต์มาสนี้ เพลงเหล่านี้เป็นภาษาลาติน และภาษาพื้นเมือง เพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น (แต่งคำร้องในปี ค.ศ.1274) และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน คือ เพลง Oh Come, All Ye Faithful หรือ Adeste Fideles ในภาษาลาติน เพลงคริสต์มาส ที่เรานิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันได้แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเยอรมัน และประเทศอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เพลงที่มีชื่อเสียงมากได้แก่ เพลง Silent Night, Holy Night ความเป็นมาของเพลงนี้คือ วันก่อนวันฉลองคริสต์มาส ของปี ค.ศ.1818 คุณพ่อโจเซฟ โมห์ เจ้าอาวาสวัดที่โอเบิร์นดอฟ ประเทศออสเตรีย ได้ข่าวว่าออร์แกนในวันเสีย ทำให้วงขับร้อง ไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ คุณพ่อเองตั้งใจ จะแต่งเพลงคริสต์มาสใหม่ หลังจากแต่งเสร็จ ก็เอาไปให้เพื่อนคนหนึ่งชื่อ ฟรานซ์ กรูเบอร์ ที่อยู่หมู่บ้านใกล้เคียงใส่ทำนอง ในคืนวันที่ 24 นั้นเอง สัตบุรุษวัดนี้ ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้งแรก โดยการเล่นกีตาร์ประกอบการขับร้อง ซึ่งกลายเป็นเพลงที่นิยมมากที่สุดทั่วโลก





























วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กลอนรัก หวานๆๆๆๆๆๆเจี๊ยบ

กลอน
ฉันรักใครไม่ง่ายนัก แต่ก็รักเธอได้ไม่ยาก พูดออกไปใจตรงกับปาก รักเธอมากกว่าใครๆ
..........................................................
รักกันง่ายๆ สบายดีออก ไม่จำเป็นต้องบอกว่ารักก็ได้ ขอแค่รู้สึกลึกๆ ข้างใน ขอแค่จริงใจมีให้ก็พอ
..........................................................
ยิ่งรู้จักยิ่งรักมาก และยิ่งอยากอยู่ชิดใกล้ยิ่งพูดคุยยิ่งถูกใจ ใช่แล้วเธอคนในฝัน
..........................................................
แค่เห็นเธอก็ใจสั่น แค่จ้องกันใจก็หวิว แค่สบตาก็เหมือนเป็นตะคริว แค่นี้ก็รู้แล้วว่าชอบเธอ
..........................................................
เธอคือคนสำคัญคนหนึ่ง เธอคือหนึ่งในดวงใจ เธอมีความห่วงใยให้กันและกัน เธอคือใครคนนั้นที่ฉันรักมากมาย



อยากพบอยากเจออยากทัก อยากรักอยากห่วงอยากหา คิดถึงจึงได้โทรมา อยากบอกว่ารักเธอสุดหัวใจ
..........................................................
เมื่อแรกพบคิดกับเธออยากรู้จัก คบสักนิดก็สนิทกลายเป็นเพื่อนดูๆไปหัวใจมันย้ำเตือน อยากจะเป็นมากกว่าเพื่อนคือรักเธอ
..........................................................
รู้ไหมว่ามันยาก ในใจมันลำบากแค่ไหน กับการที่ต้องบอกเธอออกไป ให้รู้ความในใจว่า I love you
..........................................................
บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน เธอมีอะไรสำคัญกว่าใครคนไหน ทุกเวลานาทีที่ผ่านไป ใจจึงไม่เคยลืมเธอได้เลย
..........................................................
อยากโปรยรักขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอจะได้รู้ว่ามันมากแค่ไหน ให้เธอได้เก็บมันไว้ แม้จะอยู่ไกลก็จะเหมือนใกล้กัน

ความรักที่ฉันมี ความรู้สึกดีๆที่ฉันให้ ไม่อาจคำนวณได้เป็นค่าใด เพราะมันมากมายเหลือเกิน
..........................................................
หากวันใดที่เธอไม่มีใคร ให้เธอรู้ไว้ยังมีฉัน หากวันใดเธอพ่ายแพ้หมดเพลิง ให้รู้ว่าฉันยังอยู่ใกล้ๆเธอ
..........................................................
ร.เรือแล่นไปบนสายน้ำ ไม้หันอากาศบินร่อนบนเวหา ก.ไก่ค่อยๆเดินตามหลังมา แล้วอ่านว่า รัก ซึ่งคำนี้ฉันให้เธอ
..........................................................
อยากเป็นอุลตร้าแมนมีแก้มแดงใสๆ แล้วเธอล่ะอยากเป็นอะไร เป็นสัตว์ประหลาดดีไหม จะได้เจอกันทุกตอน ^^
..........................................................
อยากรักเธอเท่าฟ้า แต่ก็ไม่รู้ว่าฟ้ากว้างแค่ไหนเอาเป็นว่ารักเธอหมดหัวใจ และไม่เคยรักใครเท่าเธอ
อาจจะมีบ้างบางเวลา ที่เกิดหายหน้าหายตาห่างกันไป แต่ก็ยังรับรู้อยู่ใช่ไหม ว่าในใจยังเหมือนเดิม
..........................................................
บนท้องฟ้ามีดวงดาว ในเมืองลาวมีข้าวเหนียว ในกะทะมีไข่เจียว ใจดวงเดียวฉันมีให้เธอ
รักเธอจนใจจะขาด ถึงจระเข้ฟาดหางยังทนไหว ไมค์ไทสันกัดหูไม่เป็นไร ถึงยังไงใจฉันก็รักเธอ
..........................................................
แม้เรื่องราวจะจบลงที่ความว่าเพื่อน จะไม่เอื้อนและไม่เอ่ยคำใดๆ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากเธอไว้ ยังห่วงใยและรักเธอเสมอมา
..........................................................
เป็นดอกไม้ในใจใครฉันไม่ว่า เป็นดอกฟ้าในใจใครฉันไม่หวั่น เป็นไม้งามในใจใครไม่สำคัญ เป็นดอกรักในใจฉันเท่านั้นพอ
..........................................................
อยากเขียนคำว่ารักตัวใหญ่ๆ อยากอภิบายความในใจให้เธอรู้ ว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองเธออยู่ อยากให้รู้ว่ารักเธอ

เก็บความรักไว้ให้ เก็บความห่วงใยห่วงหา เพียงแค่หวังไว้ตลอดเวลา ว่าวันหนึ่งเธอคงเข้าใจ
..........................................................
ให้ฉันรักเธอได้ไหม ไม่เคยมีใครทำให้ฉันรู้สึกอย่างนี้ ให้ฉันรักเธอได้ไหมคนดี เพราะหัวใจดวงนี้ไม่เคยมีใคร
..........................................................
อยากทักทายเป็นภาษาต่างดาว อยากเว่าภาษาลาวว่า ฮักเหลือหลายอยากบอกว่า ไอชิเตะ อิรุโยะ ไปจนตายแต่ว่าขี้อายเกินไป เลยได้แค่เก็บไว้คนเดียว
..........................................................
สินเชื่อเพื่อความรัก ต้องฟูมฟักด้วยความจริงใจ คิดดอกเบี้ยตามความเอาใจใส่ และปล่อยเงินกู้ให้เธอคนเดียว
..........................................................
จะเป็นยาแดงเมื่อเธอล้ม จะเป็นพารากลมๆเมื่อเธอมีไข้ จะเป็นชวนป๋วยเมื่อเธอไอ เรียกได้ 24 ชม.

ชอบคนคิดอะไรทันกัน เพราะฉันไม่ชอบย่ำอยู่กับที่ มาเจอเธอก็รู้สึกแปลกๆดี บอกกับตัวเองว่าคนนี้ใช่เลย
..........................................................
ใครจริงใจมาก็จริงใจไป และจะได้สุดๆจากฉันเสมอ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงเซอร์ๆ อย่างดีก็มีแค่รักให้เธอเต็มหัวใจ
ถ้าจะถามว่าชอบเธอตรงไหน คงบอกไม่ได้ง่ายๆ อาจเป็นเพราะความงดงามในใจ ที่เธอคล้ายๆว่าจะมี
..........................................................
หนึ่งลมหายใจนี้ ขอแทนสัญญาที่จะมีให้ แทนคำพูดมากมายในใจ แทนรู้สึกลึกไว้ในแววตา
..........................................................
ไม่จำเป็นสำหรับคำหวาน ไม่ต้องมาพบพานทุกวันก็ได้ ความรักขึ้นอยู่กับหัวใจ คำหวานใดๆก็ไม่สำคัญ
..........................................................
ทุกจังหวะของหัวใจ มันบอกว่าห่วงใยห่วงใยนัก ได้ยินไหมเสียงดัง รักๆ มันคึกคักกว่าร็อคแอนด์โรล

อยู่ไกลกันตั้งขนาดนี้ กลัวเธอจะไปมีใครคนใหม่ คำสัญญายังจำได้หรือเปล่า คนไกลที่บอกว่าจะฝากใจไว้ให้กัน
..........................................................
เวลาอาจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ดีขึ้นบ้างเลวลงบ้างตามประสาแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนผันตามกาลเวลาก็คือหัวใจที่ห่วงหาเพียงแต่เธอ
..........................................................
รักเธอเข้าแล้วสิ เต็มหัวใจดวงนี้เลยรู้ไหม ไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่เมื่อไร กว่าจะแน่ใจก็รักเธอเต็มหัวใจซะแล้ว
..........................................................
ถ้าฉันสร้างปาฏิหาริย์ได้ จะภาวนาให้โลกหยุดหมุน จะได้อยู่ในอ้อมกอดอุ่น และสบตากับเธอไปตลอดกาล
..........................................................
วันนี้ได้พบหน้า รู้สึกเลยว่าโลกแจ่มใส แปลกจริงที่คนบางคนทำไม ช่างมีอิทธิพลต่อหัวใจของใครบางคน






Happy Birthday..

To ....
.... Me

18 December 1989
Sunday <>




ช็อกโกแลตฟอร์เรส เค้กไอศกรีม ..Chocolate Forest Cake Ice Cream..





คอฟฟี่คาราเมล เค้กไอศกรีม .. Coffee Caramel Cake Ice Cream..


ประวัติเค้ก
Cake มีรากศัพท์มาจากภาษาของชาวไวกิ้ง (Old Norse word) ว่า "kaka" ค่ะ
ประวัติเริ่มจากปี 1843 คุณอัลเฟรดเบิร์ด (Alfred Bird 1811-1878) นักเคมีชาวอังกฤษ ได้ค้นพบ "ผงฟู"
หรือ "baking powder" ทำให้เขาสามารถทำขนมปังชนิดที่ไม่มียีสต์ให้กับภรรยาของเขาคือ อลิซาเบธ (Elizabeth) ได้เป็นครั้งแรก
เนื่องจากภรรยาของเขานั้นเป็นโรคภูมิแพ้เกี่ยวกับ ..ไข่ และ ยีสต์...
เค้ก ทำมาจาก แป้งสาลี น้ำตาล ไข่ นม เนย ผงฟู และน้ำ























ข้อมูลทั่วไป Nokia N97 - โนเกีย
เปิดตัวครั้งแรก 3 ธันวาคม 2008 (สยามโฟนฯ)
ออกวางจำหน่าย ไตรมาสที่ 2 ปี 2009 (ยังไม่่ระบุ)
ราคามือถือ (เปิดตัว) ประมาณ 24,720 บาท (€550 ยูโร)

ข้อมูลตัวเครื่อง (Spec)
ระบบ Quadband (GSM 850/900/1800/1900 MHz)- WCDMA 900/1900/2100 MHz , HSDPA 3.6 Mbps
จอสัมผัส TFT-LCD 16 ล้านสี - 360 x 640 พิกเซล (3.5") - ระบบหมุนภาพอัตโนมัติ (Accelerometer sensor) - ระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity Sensor)- ระบบจดจำลายมือ (Handwriting recognition)

ปุ่มควบคุม 5 ทิศทาง (5 ways Navi-Key)- แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด QWERTY (Integrated full keyboard)
ระบบปฏิบัติการ : Symbian OS เวอร์ชั่น 9.4 - S60 5th Edition
เสียงเรียกเข้า MP3, Polyphonic- ระบบสั่น (Vibration in Phone)
หน่วยความจำ 32 GB (ตัวเครื่อง) - การ์ดหน่วยความจำ microSD - สูงสุด 16 GB

ระบบเชื่อมต่อ (Connectivity)
ส่งผ่านข้อมูล (Data Transfer)- WLAN 802.11b และ UPnP (Universal Plug and Play) - บลูทูธ 2.0 - Bluetooth™ , USB 2.0 - Micro USB , TV-out - รองรับชุดหูฟังสเตอริโอ (A2DP Bluetooth™ stereo sound)
ใช้งานอินเตอร์เน็ต xHTML, WAP 2.0 Browser- สนับสนุน Flash Lite 3.0 รับชม Flash Video ผ่านบราวเซอร์ - รองรับ RSS feeds
รับ-ส่งข้อความ (Messaging)- อีเมล์ Email, MMS, SMS - ข้อความแชท - Instant Messaging ผ่าน 3G-HSDPA, EDGE Class 32, GPRS Class 32, HSCSD
รองรับ จาวาแอพลิเคชั่น - Java MIDP 2.0

จุดเด่น (Feature)
ระบบดาวเทียม ค้นหาตำแหน่ง (Build-In A-GPS navigation)- รองรับแผนที่ Nokia Maps
กล้องดิจิตอล 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช (Carl Zeiss optics) - ขนาดภาพสูงสุด 2584x1938 พิกเซล (Image size) - ปรับภาพอัตโนมัติ (Auto Focus)
บันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว (Video recording) - รูปแบบไฟล์ MPEG4 - 640 x 480 พิกเซล , 30 เฟรมต่อวินาที
เครื่องเล่นวีดีโอ (Video player) - รองรับไฟล์วีดีโอ : MP4, WMV9, 3GP, H.264
เครื่องเล่นเพลง (Music player)- รองรับไฟล์เสียง : MP3, AAC, eAAC, eAAC+, WMA
วิทยุ FM Stereo - RDS
ช่องเชื่อมต่อชุดหูฟังสเตอริโอ ขนาด 3.5 มิลลิเมตร
โทรออกด้วยเสียง, คำสั่งเสียง (Voice function)
แฮนด์ฟรีในตัว (Build-In Handsfree)
บันทึกเสียง (Voice recorder)
นาฬิกาปลุก, เครื่อคิดเลข, ปฏิทิน, ตัวแปลงหน่วย, สิ่งที่ต้องทำ
Flight mode - ใช้งานเครื่องโดยไม่เปิดสัญญาณโทรศัพท์





บทความโดย www.siamphone.com













วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551

I love kitty...











สิ่งที่ชอบ : ของชิ้นเล็กๆน่ารักๆเหมือนตัวเธอนั่นเอง เธอสะสมดาวดวงเล็กๆ ปลาทองตัวน้อย เหรียญเงินและริบบิ้นมากมาย นอกจากนี้เธอยังชอบไปเที่ยวเล่นตามสาธารณะหรือในป่ากับเพื่อนๆอยู่เสมอ หากมีเวลาว่าง Kitty มักจะตรงดิ่งไปยังร้านลูกกวาดเสมอ

จุดเด่น :สิ่งที่ทำให้ทุกๆคนจดจำ Kitty ได้เสมอก็คือริบบิ้นสีแดงที่หูซ้ายของเธอและปุยหางอันฟูฟ่องของเธอนั่นเอง



บุคลิก Kitty : เป็นแมวน้อยที่ร่าเริง อบอุ่นและใจดี เธอมีฝีมือในการอบคุ้กกี้ที่แสนอร่อยและชอบทานพายแอ๊ปเปิ้ลฝีมือของคุณแม่ เพื่อนสนิทของ Kitty ก็คือน้องสาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อว่า "Mimmy" นั่นเอง และตั้งแต่คุณพ่อของ Kitty ได้เข้าไปทำงานในนิวยอร์ค เธอจึงมีเท็ดดี้แบร์เป็นเพื่อนอีกมากมาย งานอดิเรกของ Kitty ก็คือการเดินทางท่องเที่ยว อ่านหนังสือ เล่นดนตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเปียโน เธอชอบชิมคุ้กกี้ฝีมือการอบของ Mimmy น้องสาวและ Kitty ยังชอบเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน เธอโปรดปรานการตีเทนนิส แต่สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดก็คือการพบปะผู้คนและทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ก็เป็นเหมือนที่ Kitty บอกกับทุกคนนั่นแหล่ะว่า "ไม่มีวันที่เราจะรู้สึกว่าเรามีเพื่อนมากเกินไป"ด้วยเหตุนี้นี่เอง Kitty จึงกลายเป็นสาวน้อยที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในโรงเรียน






Hello Kitty